วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

ภาพทางเทคนิคของ set index

รีบาวด์เพื่อลงต่อหรือเปล่า ดูจาก roc ยังลบเยอะ ไม่น่าจะขึ้นไปไหนไกล ติดแนวต้านที่ 697 ด้วย วันจันทร์นี้น่าจะลงต่อ แต่ด้วย rsi ต่ำมาก อาจจะพลิกเมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองชัดเจน ต้องทยอยซื้อ หุ้นปันผล รายตัวปันผลดี และราคาต่ำลงมาในภาวะที่ทุกคนไม่เชื่อมั่น การขายชอร์ตต้องเป็นมือใหญ่เท่านั้น รายย่อยหมดสิทธิ์ อาจจะเสียของ ยิ่งถ้าเป็นหุ้นดีๆ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

SET INDEX พักตัวขาลง

ดัชนีหุ้นไทย ยังอยู่ในทิศทางขาลงต่อ ช่วยนี้ยังไม่ซื้อเพิ่ม หรือถ้ามีทุนเหลืออาจจะแบ่งเป็นสองสามช่วงในการทยอยซื้อหุ้นดี มีปันผลเท่านั้น เพราะหุ้นที่ไล่ราคากันเกินจริง คงไม่มีทางได้คืนถ้าติดยอดดอย แน่นอน ระมัดระวังการลงทุนอย่างที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหุ้นที่ดีลงมาเยอะ อย่ากลัว ซื้อครับ เพราะมันเป็นเช่นนี้มาหลายรอบแล้วในรอบสิบปี

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

JUBILE ข้อมูลไม่พอ ขึ้นอยู่กับขาใหญ่ว่าจะลุยหรือเฉย

สภาพหุ้น JUBILE ทำเอาผู้จองหุ้นผิดหวัง ไม่สวยงามเหมือนเพชรที่ขาย เนื่องจากข้อมูลการซื้อขายยังไม่มากพอ เลยดูยาก แต่อย่าปล่อยให้หลุด 2.80 ราคาจองนะครับ เพราะอาจจะลงไม่หยุดได้ ปัจจัยพื้นฐานดี เจ้าของก็หน้าตาดีครับ รอลุ้นปันผลครึ่งหลังของปีว่าจะเป็นเท่าไร อดทนถือต่อไป

กลยุทธ์ ซื้อ-ช้า ขาย-เร็ว


ภาวะตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ขาลงอีกครั้งหลังจากขึ้นมาหลายเดือน ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คาดการณ์กันได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รอบหน้ายังรอท่านอยู่แต่ควรใช้กลยุทธ์ ซื้อหุ้น ให้ช้า รอขยับราคาเสนอซื้อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไล่ซื้อ วันนี้ซื้อไม่ได้ ใจเย็น ๆ รอต่อไป ซื้อหลายๆ รอบ อย่างเช่น หุ้น ASP ราคาขยับลงจาก 1.73---1.62 ถ้าเราซื้อต่อเนื่อง อาจจะแบ่งสามส่วนซื้อ 1.7 -1.66-1.63 ค่าเฉลี่ยจะไม่สูง แต่เวลาขายเมื่อราคาขยับแรงถึง 1.8-2.0 บาทก็ขายทั้งหมด นี่คือกลยุทธ์เพื่อลงทุนแบบปลอดภัย

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

EGCO ทำราคาสูงสุดในรอบ 6 เดือน


ราคาปิดวันนี้ อยู่ที่ 83 บาท ในภาวะตลาดหุ้นร่วงกว่า 10 จุด ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO เป็นหุ้นดี ราคายังไม่ถึงมูลค่าแท้จริง และยังสามารถซื้อเก็บได้ มีผลตอบแทนในรูปปันผลสม่ำเสมอ และราคาเป้าหมายเหนือ 94 บาทหรือเกิน 100 บาทแน่นอนในปีนี้

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

ลงทุนในหุ้น รายย่อยมีแต่แพ้จริงหรือ

หากคุณเป็นผู้ลงทุนหรือเล่นหุ้น รายย่อย คือวงเงินประมาณไม่ถึงล้าน เคยลองทบทวนหรือไม่ว่ารายย่อยมีผลตอบแทนสุทธิเท่าไร ผมเชื่อว่าหลายคนซื้อหุ้นดีไว้ แต่เมื่อซื้อเยอะๆ ราคามันไม่ไปไหน เพราะเราไม่ใช้เป็นผู้ไล่ราคา แต่มีรายใหญ่ที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ในหุ้นแต่ละตัวคือใคร ทำให้เมื่อไรที่เราซื้อ หุ้นจะนิ่ง และเมื่อเราขายคืนไปในราคาที่กำไรเล็กน้อยหรือขาดทุน ราคาหุ้นจะวิ่งอย่างรุนแรง ผมเจอมาหลายตัว อย่างตอนนี้ หุ้น steel ก็ผ่านช่วงรุ่งเรืองไปแล้ว วันนี้เลยติดพื้น ที่ 5.50 หลังจากโดนรายใหญ่ทำราคาจนน่าเกลียด เมื่อ PE สูงถึง 60 เท่า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะซื้อ แต่รายย่อยอาจจะโดนหลอกเข้าซื้อด้วยข่าวการซื้อกิจการที่ยังไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่. แต่ก็ทำราคาโชว์ให้รายย่อยเข้าซื้อติดกับดัก แล้วไม่มีโอกาสขายอีก หลายปี ๆๆ ดังเช่น อีกหลายตัว

หุ้นที่ราคาสูงผิดปกติ ถ้าไม่มีผลการดำเนินงานดีจริงๆ อาจจะต้องรอถึง 10 ปี กว่าจะกลับมาเท่าเดิม ถ้าคุณรอได้ ก็เป็นการลงทุนเรื่องเวลา ซึ่งหุ้นเกษตรหลายตัว วันนี้ครบ 10ปีแล้ว ราคามาถึงจุดเดิม อย่าง ssf เดิมราคา 9-10 บาท แต่มีการให้หุ้นฟรี เลยตกไปเหลือเพียง 2 บาท วันนี้ผลการดำเนินงานดีจริง จึงขึ้นมาถึง 9.0 บาทได้ แต่รายย่อยคงขายหมดแล้ว ตอนนี้มีแต่รายใหญ่ที่ทำราคาเพื่ิอขายออก อย่างเงียบๆ

ระวังให้ดีครับ.. หุ้นที่แพงเกินจริง ซื้อไปก็มีแต่จะขาดทุน ควรไปมองหาหุ้นที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีจะมีโอกาสได้มากกว่า ครับ ... การติดหุ้นต้องเลี่ยงให้ได้ เพราะเราคือรายย่อย มีเงินจำกัด

สรุปสุดท้ายของรายย่อยคือเสียเปรียบ แต่ถ้ารู้จักใช้กลยุทธ์ทีเหมาะสม และมีเงินเย็นพอ ก็ชนะได้ แต่ 10 คน ชนะได้เพียง 1 คนเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

2552 ยุคทองหุ้นโภคภัณฑ์ 2553 ยุคทองของ???

คงต้องยอมรับว่า หุ้น ไม่มีคำว่าถูกหรือแพงจริงๆ อยู่ที่มุมมองของผู้ซื้อและผู้ขาย ในปีที่ผ่านมาหุ้นโภคภัณฑ์ เกษตรทุกตัวที่มีกำไรต่อหุ้นดีๆ ราคาพุ่งขึ้นกว่า 4 เท่าตัว อย่างเช่น cpf มกราคมปี 52 อยู่ที่ 3.00 บาท ส่วนมกราคมปี 53 อยู่ที่ 12.00 บาท

สุรพลฟู้ด SSF จากราคา 1.70 บาท มาเป็น 8.00 บาท เช่นกัน CFRESH จาก 1.00 บาทมาเป็น 4.00 บาทเพียงระยะเวลา 1 ปี คุณสามารถทำเงินจากหุ้นได้ 400 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณมีความมั่นใจในผลการดำเนินงาน และมองทิศทางออก ความสำเร็จในการลงทุนจะเกิดกับคุณทุกคน

ส่วนปี 2553 อาจจะเป็นหนังคนละม้วนกัน หุ้นที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะเป็นขาลง จากราคาปัจจุบันอาจจะลงไปสักครึ่งหนึ่ง เนื่องด้วยหุ้นเหล่านี้มีวงจรรอบของอุตสาหกรรม เมื่อราคาดี กำไรดี คู่แข่งย่อมเข้ามามากขึ้นและมีเหตุการณ์อย่างเช่นในอดีต การทุ่มตลาด การกีดกันทางการค้า แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง

หุ้นพลังงาน โดยเฉพาะนำ้มัน โรงกลั่น ไฟฟ้า น่าจะกลับมา เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยว่ารอบนี้ ทำไมหุ้นพลังงานขายแล้วไม่ลง อย่าง PTTAR , ESSO, PTTEP, PTT, PTTCH, BANPU, EGCO ทุกตัวกำลังรอวันทะยานสู่ระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ใครมีหุ้นเหล่านี้ควรถือไว้จนกว่ามันจะวิ่งแรงเหมือนหุ้นโภคภัณฑ์ แล้วหาจังหวะปล่อยออก เพราะถึงเวลานั้น มันคือจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมที่ทุกคนคาดหวังแล้ว หุ้นเล่นง่าย ถ้าเรารู้จักคำว่า หุ้นดี อดทน รอเวลา ตัดสินใจซื้อ/ขาย ให้ถูกเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำไม ราคาหุ้นไม่ขยับ และทำไมเวลาขายแล้ว ราคาพุ่งแรงทุกครั้งไป

ผมในฐานะนักลงทุนรายย่อย ที่สามารถดูหุ้นได้ทุกวัน จากอินเทอร์เน็ต เฝ้าสังเกต หุ้นดีๆ หลายตัว ตอนแรกๆ จะขึ้นช้ามาก อย่าง BLA ผมซื้อตอน 14.70 ราคาผ่านไปสองสัปดาห์ไม่ขยับ แถมยังลงไป 14.50 อีกต่างหาก ทั้งที่เป็นหุ้นชั้นดี ตัวหนึ่ง แล้วพอขาย ที่ราคาเดิม 14.70 อีกวันหนึ่งวิ่งหน้าตาเฉยเลย แล้ววันนี้ละ ซื้อกันจริงซื้อกันจัง 23.00 บาท ถ้าถือไว้กำไรมากแล้วครับ ...

ลองมาหาคำตอบกัน สมมติ หุ้นอยู่กับเรา ในขณะที่หุ้นมีจำนวนเท่าเดิม ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ คนกลุ่มที่เป็นมือใหญ่ขายหุ้นออกเพื่อไปรอซื้อคืนที่ราคาต่ำ ด้วยเหตุผลหลากหลาย เม่ือหุ้นกระจายสู่มือรายย่อย ทุกคนไม่สามารถผลักดันราคาได้ เอง ต้องรอ มวลชน และผู้นำ

อย่างไรก็ตาม ถ้าหุ้นจากรายย่อยยังขายออกมาไม่หมด หรือให้รายใหญ่ได้หุ้นมากพอ ราคาคงจะไม่สามารถขึ้นไปได้ นี่แหละคือคำตอบที่ว่า เมื่อไรคุณขายหุ้น ราคาหุ้นมักจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ รอคุณไปซื้อกลับมาในราคาสูง แล้วมันก็ทำให้คุณติดหุ้นอีกครั้ ง เป็นอย่างนี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติศาสตร์ไม่เคยเปลี่ยน

ทางแก้ไขคือซื้อแล้ว ไม่ต้องขายเลยจะดีที่สุด

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

update technical chart 11-jan-2010




แนวโน้มดัชนี ยังเดินหน้าต่อได้ แต่ให้ดู rsi ถ้าเกิน 85-90 พิจารณาขายออกไปบ้าง ส่วนรายตัวแตกต่างไปตามกราฟ asp เริ่มมีสัญญาณซื้ออ่อนๆ แนะนำซื้อ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเริ่มเข้ามาเกิน 20000 ล้านบาทต่อวัน หุ้นหลักทรัพย์น่าจะเริ่มมาเก็๋งกำไรกันหลังมูลค่าเริ่มสูงขึ้น ส่วนพลังงานก็ยังไปได้ทั้ง PTTAR, ESSO, EGCO, สื่อ MCOT ก็กำลังจะเดินหน้า ส่วนแบงก์อย่าง TMB ก็มาแรง

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

ASP ใกล้ถึงวันที่รอคอย ..ทะยานสู่ 2.0



ภายหลังประกาศค่าคอมฯเสรี ทำเอาหุ้น Broker ทุกตัวน่ิงไปเฉยๆ เลยครับ ทั้งที่ทุกกำไรมากมาย ราคาก็ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี หนี้สินน้อยกว่าส่วนผู้ถือหุ้น และสามารถจ่ายปันผลได้สมำ่เสมอ ถึงเวลาหรือยังที่จะมาสนใจราคาหุ้นหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตัวหลักอย่าง ASP, CNS, KEST , ZMICO ทุกตัวน่าสนใจครับ ใครมีอยู่ถ้าทนไม่ไหว ขายทิ้งไป อาจจะเสียของได้ครับ เพราะอย่างไงก็น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ อย่าง ​ASP น่าจะ 2.50 บาท ลองตามดูครับ มูลค่าการซื้อขายยังไม่เข้า เลยยังไม่มีการเล่นกันจริงๆ จังๆ ครับ

8-jan-2010 ก่อนปิดตลาดมีขายไม้ใหญ่มา 1.88 ล้านหุ้น เลยทำให้ปิดไปที่ 1.66 บาท แต่กราฟทางเทคนิคบอกว่าอยู่ในเขตขายมากเกินไป ตอนนี้รอวอลุ่มเข้าอย่างเดียว แต่แนวรับก็ราวๆ นี้ 1.65 บาท ผมคิดว่าน่าจะเป็นการเร่งให้รายย่อยที่มีของอยู่ขายออกให้มาก พอใกล้วันประกาศผลการดำเนินงานและจ่ายปันผล จะได้มีหุ้นไว้ไล่ราคาได้ งานนี้ต้องรอต่อครับ
13-jan-2010 asp ยังไม่ยอมดินหน้า แต่แรงขายเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามยังไม่ยอมขึ้นง่ายๆ กลุ่มหลักทรัพย์ทุกตัวเหมือนกัน ถ้ามาคงมาพร้อมกัน มาลองดูว่าใครจะเป็นผู้นำตลาด รอบนี้ คิดว่าไม่นานเกินรอ เป้าหมาย 2.54 คงได้เห็นภายในครึ่งปีนี้แน่นอน

14-jan-2010 ขอบอกว่า อาการแบบนี้ น่าลุ้น ไม่น่าเกินเดือนมกราคม เพราะราคาไม่ขยับมากกว่า สองสัปดาห์แล้ว

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

740 วันนี้จะอยู่ได้ไหมครับ


set index วันนี้พลิกบรรยากาศจากเมื่อวานนี้เลยครับ แต่ก็ดีใจกับคนที่รับไว้เมื่อวานด้วยกำไรอย่างน้อยก็น่าจะ 5 ถึง 10 % ได้ ตัวแรงๆ ก็ยังมีหลายตัว ในกลุ่มพลังงานทดแทน ตอนนี้ราคาน้ำมันขยับสูงแล้ว อย่าลืมสะสมหุ้นน้ำมัน อย่าขายชอร์ตเพลินละ ระวังเสียของ อุตส่าห์รอกันมานานแล้ว รอบนี้ได้ออกตัวที่ราคานิวไฮ บ้างละ หวังว่าวันนี้จะยืนได้ 740 นะครับ วอลุ่มเข้ามาหนา เข้าเก็บกลุ่มหลักทรัพย์ไว้ โดยเฉพาะตัวที่ดีที่สุดอย่าง ASP ราคายังไม่ขยับ ต้นทุนเท่ากัน ไม่มีใครได้เปรียบ ลองดูครับ