วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สัมมนาฟรี เจาะลึกธุรกิจเหล็ก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ขอเชิญผู้ลงทุนและผู้สนใจร่วมเจาะลึกธุรกิจเหล็ก ในงาน “ตลาดนัดผู้ลงทุนไทย Thai Investors’ Day” ครั้งแรกของปี 2554 ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ถ. รัชดาภิเษก ในวันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2554 เวลา 9.45-17.00 น

KTC น่าสนใจซื้อหรือยังที่ราคา 12.30 บาท

บัตรกรุงไทยหรือเคทีซี KTC เป็นหุ้นที่ผ่านยุครุ่งเรืองและตกต่ำมาหลายปี ขณะนี้ ก็ยังไม่สามารถขึ้นมาแถวมูลค่าทางบัญชีที่ 24.60 บาทได้ เป็นเพราะยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงจากวิกฤติเศรษฐกิจและการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทำกำไรเป็นจำนวนมากเหมือนก่อน

โอกาสที่ KTC จะปรับขึ้นไปยืนแถว 24.60 บาทมีหรือไม่ คงขึ้นกับผลการดำเนินงานและการจ่ายเงินปันผล เพราะคู่แข่งอย่าง AEONTS ยืนแถว 31.00-33.00 มาตลอด แต่ก็ลงมาจาก 50 บาทกว่าๆ ในหลายปีก่อน ส่วนโบรกมองขาย ให้ราคาเป้าหมายต่ำกว่า 10 บาท อันนี้ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน สุดท้ายถ้าเราจะซื้อลงทุนไว้ เพราะ KTC ก็มีคนใช้จำนวนมาก และน่าจะพลิกกลับมาได้ในอนาคต

MCOT ปีหน้ารุ่ง โบรกให้เป้า 38 บาท

บมจ.อสมท.หรือ MCOT จัดว่าเป็นหุ้นปันผลที่จ่ายสมำ่เสมออย่างมาก ปีละประมาณ 1.80 บาทต่อหุ้น แบ่งจ่ายสองครั้ง ราคา ณ วันนี้ 29 บาท ซึ่งคิดว่าถูกกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม และเป็นบริษัทที่รัฐถือหุ้นเยอะมาก จึงปลอดภัย ปีหน้าโครงการใหญ่ๆ ของอสมท.คือ digital TV ที่น่าจะมีการร่วมงานกับกลุ่มมือถือ DTAC เพราะว่า TRUE ก็มี TRUE VISION อยู่แล้ว

การแข่งขันส่งคอนเทนต์ถึงบ้าน กำลังจะมา การขายคอนเทนต์ผ่านระบบเครือข่าย digital TV กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองไทย ความคมชัดที่มากกว่า สัญญาณดาวเทียม และแบบเดิม เข้าอินเทอร์เน็ตได้ ด้วยกล่องๆเดียว ...นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นและ ผลตอบรับจะดีหรือไม่อย่างไร ต้องติดตาม และ MCOT จะเป็นรายแรกที่ให้บริการ Digital TV เต็มรูปแบบ จะสังเกตว่าช่องที่แพร่ภาพแบบดิจิตอลจะคมชัดมากกว่าระบบเดิม

ประกอบกับการขยายฐานผู้ชม และการปรับขึ้นค่าโฆษณาได้อีก 5-8% ทำให้โบรกประสานเสียงให้เป้าหมายราคาที่ เหนือ 35 บาท สูงสุดมี 40 กว่าบาท เพราะฉะนั้น ซื้อเก็บลงทุนไว้ในพอร์ตจะดีที่สุด.. BUY MCOT

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ssi ซื้อเพื่อรอการฟื้นตัวหลังเพิ่มทุน ราคาแถว 1.44-1.50 ตำ่เกินไป

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุน โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวมไม่เกิน 5,240 ล้านหุ้นและวิธีการจัดสรร และให้นำเสนอการเพิ่มทุนและการจัดสรรต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 25 ม.ค.2554 เพื่อระดมเงินทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท สำหรับเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ และเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนเพื่อการเข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2553 กับ Tata Steel UK Limited ( เดิมชื่อว่า Corus UK Limited)

การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 2,620 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่( Right Offering หรือ RO) ในอัตราจัดสรร 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ สามารถจองซื้อเกินสิทธิได้ โดยส่วนจองซื้อเกินสิทธินี้จะได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นจนหมด หากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมจะนำไปจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด โดยกำหนดราคาเสนอขายในช่วงระหว่าง 1.20 ถึง 1.40 บาทต่อหุ้น และ 2. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,620 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ( Private Placement หรือ PP)

ในส่วนของการเสนอขาย RO นั้น ตั้งใจจะเสนอขายเต็มทั้งจำนวนที่มีการเพิ่มทุนรองรับไว้ ซึ่งในส่วนนี้ ทางเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ได้แสดงความตั้งใจ และความพร้อมที่จะเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิที่มีอยู่ เพื่อให้การเสนอขายในส่วนนี้ สามารถระดมทุนได้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องการ ในส่วนของการเสนอขาย PP บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนไม่เกินประมาณ 2,620 ล้านหุ้น โดยจำนวนหุ้นที่จะทำการเสนอขายจะขึ้นอยู่กับราคา ที่จะทำให้สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นในส่วนนี้เมื่อรวมกับที่ได้จากการเสนอขาย RO ครบจำนวนตามที่ต้องการ

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเสนอขาย PP ในจำนวนประมาณร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดหรือที่ประมาณ 1,965 ล้านหุ้น เพราะหากราคาเสนอขาย RO และ PP อยู่ที่ประมาณ 1.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ณ ปัจจุบันแล้ว เงินที่ได้จากการการเสนอขาย PP ที่ประมาณ 1,965 ล้านหุ้น เมื่อรวมกับการเสนอขาย RO เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้สามารถระดมทุน จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครบเกินกว่าที่ต้องการ

นายวินกล่าวว่ากำหนดการจองซื้อหุ้นและการเพิ่มทุนนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สอดคล้องกับแผนการกู้เงินซึ่งจะแล้วเสร็จในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้การเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสแรกปี 2554 ทำให้ โรงงานถลุงเหล็ก สามารถผลิตเหล็กแท่งแบน ( Slab ) ส่งกลับมาให้ เอสเอสไอ ใช้ได้ภายใน 6 เดือนหลังจากนั้น ทำให้มีความมั่นใจว่าในปี 2555 นี้เอสเอสไอจะสามารถผลิตได้ถึง 3 ล้านตัน และยอดขาย 70,000 ล้านบาท เพราะสามารถผลิตวัตถุดิบได้เองอันจะส่งผลให้บริษัทสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในการผลิตนับตั้งแต่เปิดดำเนินการมา

นอกจากนี้ราคาของสินทรัพย์ที่บริษัทจะเข้าทำการซื้อประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ แต่จากการประเมินมูลค่ายุติธรรม ( Fair Value ) เบื้องต้นโดยผู้ประเมินอิสระ คาดว่าคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 820 ล้านดอลลาร์ ส่วนต่างของมูลค่านี้อาจสามารถรับรู้เป็นกำไรจากการซื้อสินทรัพย์ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าประเมินท้ายสุดและความเห็นจากผู้สอบบัญชี

“วัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนในการเข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจของเอสเอสไอที่มีความต้องการที่จะขยายกระบวนการผลิตไปยังอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กต้นน้ำเพื่อเป็นการสนับสนุนกระบวนการผลิตของเอสเอสไอในปัจจุบันและการก้าวสู่การเป็น ผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน”นายวิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว จะเกิดประโยชน์ต่อเอสเอสไอหลายประการ ทั้งเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ปริมาณการผลิตและขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันในปี 2555 และส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง 5.6 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถเพิ่มสัดส่วน สินค้าชั้นคุณภาพพิเศษจากเดิมร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 70 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 15.3 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการวัตถุดิบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ( Inventory Management) ทำให้ลดปริมาณวัตถุดิบคงคลังจาก 60 วันเหลือเพียง 30 วัน ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ 150 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ต้นทุนการขนส่งวัตถุดิบทางเรือต่อหน่วยลดลง 7.5 ดอลลาร์ เนื่องจากสามารถใช้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ( Panamax ) ขนส่งวัตถุดิบคราวละ 60,000-70,000 ตัน

ที่มา กระแสหุ้น

วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

KTB เป้าหมาย 20.20บาท ซื้อไม่เปลี่ยนแปลง

คาดผลประกอบการไตรมาส 4/53 ของ KTB มีกำไรสุทธิ 4,101 ล้านบาท ลดลง 17.9%QoQ เนื่องจากไม่ได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ แต่คาดว่าเพิ่มขึ้น 60.9%YoY เนื่องจากคาดรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มสูงขึ้น ทำให้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นด้วย KTB มีเงินกองทุนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แต่เราประเมินว่าเพียงพอในการทำธุรกิจ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน เราคาดว่า KTB จะมีกำไรสุทธิปี 2553 จำนวน 15,540 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล0.50 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 2.91% KTB เป็นธนาคารที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาล ทำให้ในปี 2554 น่าจะยังได้รับประโยชน์จากโครงการใช้จ่ายของรัฐบาล ให้ราคาเหมาะสม 20.20 บาท ยัง คงแนะนำ “ซื้อ” (refer KKS)

BUY AP เป้าหมาย 8.00 บาท

AP งานในมือระดับสูงช่วยเสริมศักยภาพของรายได้ 4 ปีต่อเนื่อง จากงานในมือ ม.ค .พ.ย 53 ที่มีสถิติสูงสุด 27,019 ล้านบาท สะท้อนผลของยอดขายที่ยังทำได้ดีคาดใน4Q53 ทำได้ 6,000-6,500 ล้านบาท ส่งผลให้ยอด Presale ทั้งปีทำได้ประมาณ 18,500-19,000 ล้านบาท ในปี 54 บริษัทมีแผนเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาด กระจายสินค้าเพิ่มในส่วนของ สินค้า High.End และ Low-End เพื่อเพิ่มความหลากหลายสินค้าเพิ่มเติม ทั้งนี้กรณีดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น จากโฆษณาและประชาสัมพันธ์ราคาที่เหมาะสมปี 54 ที่ 8 บาท (อ้างอิง APER 9.5 เท่า) เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันมี Upside gain 35% นอกจากนั้นคาดบริษัทจ่ายปันผลของผลประกอบการปี53 ได้ 0.35 บาท(จ่ายปันผลปีละ1ครั้ง) ให้ผลตอบแทน Dividend Yield ในระดับ 5.9% แนะนำ .ซื้อ.

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

MCOT มาพร้อมความหวังใหม่ digital tv รายแรกของไทย

บมจ.อสมท.ได้แถลงข่าวหลายครั้งเกี่ยวกับการรุก ดิจิตอลทีวี รายแรกของไทย ซึ่งจะมีการร่วมมือกับค่ายมือถือรายหนึ่ง เพื่อขยายฐานคนดูอย่างมหาศาล ราคาเพิ่งขยับขึ้นมา 28.25 หลังจากไม่หลุดต่ำกว่า 26.50 บาท ราคานี้ถือว่าไม่แพง ปันผลโอเค และอนาคตราคาน่าจะวิ่งไปรับการขยายธุรกิจอีกมาก เป้าหมาย 30 ++ ลองพิจารณากันดู ลงทุนไม่เสี่ยงครับ

DTAC กลับมาอีกครั้งหลัง 3G ชัดเจนขึ้น

ภายหลังข่าวอนุมัติให้ทำ 3G ต่อไปได้ หุ้น DTAC ก็ปรับตัวขึ้นทันที ตั้งแต่เปิดตลาดไปสูงสุด 44.25 แต่มาปิด 43.50 รอดูถ้าผ่าน 45 จุดสูงเดิมรอบ 3 เดือน น่าจะไปต่อได้ถึง 50 บาท

อุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งเป็น uptrend


สำหรับในปีหน้า 2011 ที่กำลังจะมาถึง ใครต้องการลงทุนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลงาม ลองมองหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะกุ้งอย่าง ASIAN, SSF, CFRESH, CPF สี่ตัวหลักนี้ซื้อได้หมด ราคาตอนนี้ก็ไม่ถือว่าแพง แต่ตัวที่น่าจะคุ้มค่าสุดคือตัวที่ยังไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลอย่าง SSF, ASIAN ตอนนี้ราคาสร้างฐานอยู่ สำหรับ ASIAN เด่นสุดเพราะไม่จ่ายปันผลมาห้าปี ปีนี้น่าจะจ่ายได้อย่างน้อย 0.50 บาท ราคาตอนนี้ 3.44-3.5 บาท น่าสนใจมาก..ที่จะซื้อเก็บไว้เพื่อรอขายแถว 5.00 บาทหรือมากกว่า รวมเงินปันผลด้วยจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 10% แน่นอน

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

CFRESH หุ้นดีที่ต้องมีในพอร์ต

CFRESH เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มอาหาร ในอัตรามากกว่า 10% ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีทองที่ราคาวิ่งมาเหนือ 5 บาทและกำลังจะวิ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ ที่ 6.65 บาท อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทแข็งอาจจะมีผลกระทบในเชิงบวกหรือลบ ต้องรอดูผลการดำเนินงานที่จะประกาศออกมา แต่วันที่ 20 ตุลาคม จะขึ้นเครื่องหมาย xd,xm เพื่อจัดประชุมผู้ถือหุ้นและจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท ทั้งปีจ่ายไปแล้ว 0.71 ราคาเป้าหมายจึงน่าจะเหนือ 7 บาทได้ไม่ยาก..

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

DTAC นิวไฮที่ 46 แนวรับที่ต้องจับตาคือ 41.75 ต้องไม่หลุด

สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มสื่อสารวิ่งแรงจนทุกตัวขึ้นติดอันดับการซื้อขาย 20 อันดับ ทั้ง Advanc, Dtac, True ราคาปรับขึ้นมากกว่า 10% สำหรับตัว dtac วิ่งทะลุ 40 และผ่านแนวต้าน 44 มาทำไฮไว้ที่ 46 ก่อนมาปิดตลาดที่ 44.75 บาท เป็นสัญญาณของแรงขายระยะสั้น หากย่อตัวลงมาไม่ต่ำกว่า 41.75 น่าจะวิ่งผ่าน 46 ไปแถว 48 หรือ 54 บาทได้แล้วหยุดวิ่งเพื่อปรับฐานใหม่..อีกคร้ัง ใครต้องการขายให้ทยอยขายออกที่แนวต้าน และใครต้องการรับซื้อ ดูสัปดาห์นี้ ถ้าไม่หลุด 42 ลงมาเข้าได้..

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

DTACย่อตัวแรง ลุ้นแนวรับสุดท้าย 36.75 วันนี้ต้องตีกลับ

DTAC กราฟทางเทคนิคย่อตัวลงมามากกว่าที่คาด มาถึงเส้นค่าเฉลี่ยน 20 เลย แถว 37.39 เมื่อวาน 13-jul ปิด 37.25 แสดงว่าโมเมนตัมแรงซื้อไม่แข็งแรงพอ น่าจะลงมาปรับฐานแถว 36-37 แต่ต้องไม่หลุด 35 บาทลงมานะ ถ้าหลุดก็ไม่อยู่ใน up trend ก็ยกเลิกการเทรดไปก่อน

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อ่านฟรี POTENTIAL MAGAZINE ฉบับล่าสุด

SET INDEX ใกล้ถึงเป้าหมาย 840

ทิศทางการลงทุนช่วงนี้ไม่มีข่าวร้ายอะไรเข้ามา จึงมีการสลับตัวขึ้นลงของหุ้น แต่ดัชนียังเล่นทางขึ้นไปใกล้เป้าหมาย 840 หรืออาจจะถึง 910 ภายในปีนี้ด้วยการปรับขึ้นทีละน้อย ลองติดตามดู

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

set index confirm new high at 831

set index chart ,รายเดือนได้ยืนยันขาขึ้นเต็มตัว ด้วยเป้าหมายใหม่คือ 831 โดยประมาณและ macd บวกมาแล้วสองเดือน

วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

THAI ประกาศเพิ่มทุนแล้ว ส่วนปันผล 0.25 เป็นของแถม

การบินไทย ในที่สุดก็เหินฟ้าขึ้นมาได้สวย จาก 6 บาทภายในหนึ่งปีขึ้นมายืนแถว 24-26 บาท ก็ถือว่าโอเคครับ แถมจ่ายปันผลได้แล้ว ที่ 0.25 บาทต่อหุ้น แต่ข่าวที่จะมาลดราคาหุ้นคือ การเพิ่มทุน 1000 ล้านบาท แต่ยังไม่รู้ราคาขาย ต้องรอ ใครมีอยู่ถือต่อ หรือขายส่วนหนึุ่งเพื่อรับมูลค่าที่จะลดลงประมาณ 37% ของราคาเป้าหมายที่ประมาณ 30 บาท คงอยู่ประมาณ 20ต้นๆ หลังเพิ่มทุน

ASP แนวรับสุดท้ายที่ 1.66 บาท

หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวประกาศเงินปันผล 0.14 บาท ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า 8 % ณ รอบนี้ ราคาก็ยืนแถว 1.66-1.73 มาได้นานพอควรแล้ว คาดว่าจะรออะไรบ้างอย่าง แนวรับสุดท้ายถ้าหลุดก็ต้องทำใจ แต่ใึีครซื้อไว้ ไม่ควรขาย แค่ผลตอบแทนก็คุมแล้ว ถ้าลงมาซื้อเพิ่มครับ

ESSO มาตามคาด ผ่าน 6.55 ไปต่อ 7.2-8.0


หลังจากเก็บหุ้นกันอยู่นานมาก แถว 6.1-6.3 วันนี้คิดว่าจะแดงเดือดกับเขียวแรง ไปสูงสุดที่ 6.80 บาท เล่นกันไปด้วยวอลุ่มหนาตาพิเศษ สัปดาห์หน้าจะไปต่อได้แน่นอน ใครมีคงต้องถือไว้ กระแสข่าวว่าจะจ่ายปันผลแค่ 0.25 ในครึ่งหลังของปี 52 ผมว่าจ่ายน้อยไปนิด แต่ขอให้หุ้นขึ้นมาจากค่าการกลั่นที่เพิ่ม งานนี้ไปออกที่ 8.0 บาท แล้วลงมารับกันใหม่ครับ

วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

หุ้นไทยหลัง 14 มีนาคม ทิศทางขึ้นหรือลง

น่าคิดเหมือนกันว่า หลังการชุมนุมจบลงแล้ว หุ้นไทยจะไปในทิศทางใด อะไรเป็นปัจจัยหนุนนำให้เกิดการเคลื่อนไหวของดัชนีหลักทรัพย์และนักลงทุนจะเลือกทำอย่างไร !!!

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

THAI กลับมาจริงหรือ

ยินดีด้วยกับคนที่มั่นใจและซื้อการบินไทยไว้เมื่อราคา 6.0-7.0 บาท และเสียใจกับคนที่ขายไปแล้ว เพราะคุณได้ขาดทุนอย่างมหาศาล ยิ่งถ้าต้นทุนสูงราว 40 บาท ตอนนี้ขยับขึ้นมาถึง 25 บาทแล้ว กำลังแรงดี กราฟทางเทคนิคหนุนให้ไปต่อ ปีนี้หวังว่าได้เห็นเหนือ 30 และ 40 บาทตามลำดับ ขออย่างเดียวอย่างแพ้พิษนำ้มันแพงเหมือนปีที่ผ่านมา และข่าวดี ปีนี้มีปันผลด้วยสิ หุ้นดีต้องแบบนี้สิ กลับมาภายในหนึ่งปี

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลยุทธ์หุ้นปันผล ต้องขายก่อน xd

ใครที่ต้องการเล่นหุ้นปันผล ส่วนหนึ่งมักจะเจ็บตัวชั่วคราว เพราะก่อน xd ราคาจะขึ้นมารอแล้ว ส่วนหลัง xd จะหมดเสน่ห์ชั่วคราว เพราะในอนาคตก็ขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ลองคิดดูการได้รับเงินปันผลเหมือนเอาเงินตัวเองมาจ่ายครับ

เช่นกรณีซื้อหุ้น ASP ที่ 1.71 ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.14 บาท วันที่ xd ราคาจะปรับลงอย่างน้อย 0.14

ภาพยังไปต่อได้แต่ไม่ไกล


set index 26-feb-2010 อ่านกราฟได้ว่า set เป็นภาวะกระทิง แต่มีสัญญาณซื้อมากเกินไปอ่อนๆ ด้วย rsi มากกว่า 70 ส่วน เปอร์เซ็นต์ซื้อขาย kd ใกล้เคียงกันแล้ว มีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้ แต่เน้นเป็นรายตัวดีกว่า

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หุ้นปันผลสุดยอดที่ควรมีก่อน xd

เทศกาลแจกเงินปันผลใกล้เข้ามาแล้ว ทำให้หลายคนต้องปรับพอร์ตตัวเองหรือใครไม่มีหุ้น ก็เข้ามาเลือกชอปกันได้เลย เพราะมีหุ้นมากมายหลายสิบตัวปันผลมากกว่า 7% สูงสุดยังไม่รู้จะเป็นบริษัทอะไร แต่ข่าวที่ลือกันมากคือ หุ้น TMT, PRIN ที่จะให้เงินปันผลเกิน 10% น่าสนใจ ลองติดตามดู ส่วน PRIN จ่ายที่ 0.25 บาท ราคาเมื่อวันที่ 9-กพ. ปิดที่ 2.24 บาท ยังให้ผลตอบแทนเกิน 10% อยู่แต่ถ้าขึ้นไปเกิน 3 บาท ก็จะเหลือผลตอบแทน แค่ 8.33% ก็ยังสูง ดังนั้น ลุยซื้อ PRIN เข้าพอร์ตมาเลย

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

set index รอซื้อหลังเมษายน


ช่วงนี้เป็นขาลงเต็มตัว ไม่มีสวน เพราะไหลลงเรื่อยๆ ต้องมีสัญญาณ กลับตัวก่อน แต่มีแนวโน้มลงถึง 669 low เดิมรอบสามเดือน ผมเก็บเงินไว้ซื้อเพิ่ม แล้วปีนี้หวังว่าคงรอด

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โอกาสและความเสี่ยง ผ่านมาแล้วจากไป

นักลงทุนทั่วไปควรเข้าใจวงจรของตลาดหุ้น มีโอกาสและความเสี่ยงอยู่ทุกวัน และเม่ือมันผ่านเข้ามา แล้วมันก็จะจากไป อย่างเช่นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ใครทำผิดพลาดไปด้วยการขายถูกสุด และซื้อแพงสุด ก็จะมีคนเข้ามาแทนที่คนๆนั้นอีกตลอดที่ยังมีตลาดหุ้น เหตุผลเดียวคือ ความอดทนและข้อมูล

หากคุณมีข้อมูลที่ดี โอกาสที่คุณจะซื้อหุ้นแพง ย่อมน้อยมาก และถ้าคุณมีความอดทน คุณย่อมประสบชัยชนะและทำกำไรในหุ้นได้เสมอ และช่วงนี้โอกาสมาให้คนที่มีเงินอย่างคุณเข้าซื้ออีกครั้งแต่ต้องอดทนรอซื้อให้ได้ราคาที่ต่ำพอสมควร ขอให้โชคดี เลือกหุ้นให้ถูกตัวและถูกเวลา

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

set index return ก่อนกำหนด

มุมมองของการซื้อขายในวันนี้ หลายประเด็นคลี่คลายลง เหลือแต่การเมืองที่ยังไม่มีผลออกมาชัดเจน เท่าไร จึงยังซื้อขายแบบกล้าๆ กลัว ๆ กันต่อไป ต้องยอมรับวันนี้ index ขึ้นลงรวดเร็ว เพราะข่าวสารถึงกันเร็วมาก จึงต้องมีกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน ไม่รีบร้อนจนโดนเหวี่ยงไปมาจากรายใหญ่ได้ง่าย

set index วันนี้ปิดสูงสุดของวัน หลังจากลงไปติดลบ แล้วดีดขึ้นมาบวกได้ ด้วยแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและธนาคารเช่นเดิม dtac เป็นตัวหนึ่งที่เล่นไม่ยาก ซื้อ ต่ำกว่า 30 ขายเมื่อเกิน 36-40 บาท วันนี้ก็กลับมายืน 32.75 ได้ สุดยอดเลย

ช่วงนี้ต้องทนต่อไปครับ

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

ภาพทางเทคนิคของ set index

รีบาวด์เพื่อลงต่อหรือเปล่า ดูจาก roc ยังลบเยอะ ไม่น่าจะขึ้นไปไหนไกล ติดแนวต้านที่ 697 ด้วย วันจันทร์นี้น่าจะลงต่อ แต่ด้วย rsi ต่ำมาก อาจจะพลิกเมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองชัดเจน ต้องทยอยซื้อ หุ้นปันผล รายตัวปันผลดี และราคาต่ำลงมาในภาวะที่ทุกคนไม่เชื่อมั่น การขายชอร์ตต้องเป็นมือใหญ่เท่านั้น รายย่อยหมดสิทธิ์ อาจจะเสียของ ยิ่งถ้าเป็นหุ้นดีๆ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

SET INDEX พักตัวขาลง

ดัชนีหุ้นไทย ยังอยู่ในทิศทางขาลงต่อ ช่วยนี้ยังไม่ซื้อเพิ่ม หรือถ้ามีทุนเหลืออาจจะแบ่งเป็นสองสามช่วงในการทยอยซื้อหุ้นดี มีปันผลเท่านั้น เพราะหุ้นที่ไล่ราคากันเกินจริง คงไม่มีทางได้คืนถ้าติดยอดดอย แน่นอน ระมัดระวังการลงทุนอย่างที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหุ้นที่ดีลงมาเยอะ อย่ากลัว ซื้อครับ เพราะมันเป็นเช่นนี้มาหลายรอบแล้วในรอบสิบปี

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

JUBILE ข้อมูลไม่พอ ขึ้นอยู่กับขาใหญ่ว่าจะลุยหรือเฉย

สภาพหุ้น JUBILE ทำเอาผู้จองหุ้นผิดหวัง ไม่สวยงามเหมือนเพชรที่ขาย เนื่องจากข้อมูลการซื้อขายยังไม่มากพอ เลยดูยาก แต่อย่าปล่อยให้หลุด 2.80 ราคาจองนะครับ เพราะอาจจะลงไม่หยุดได้ ปัจจัยพื้นฐานดี เจ้าของก็หน้าตาดีครับ รอลุ้นปันผลครึ่งหลังของปีว่าจะเป็นเท่าไร อดทนถือต่อไป

กลยุทธ์ ซื้อ-ช้า ขาย-เร็ว


ภาวะตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ขาลงอีกครั้งหลังจากขึ้นมาหลายเดือน ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คาดการณ์กันได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รอบหน้ายังรอท่านอยู่แต่ควรใช้กลยุทธ์ ซื้อหุ้น ให้ช้า รอขยับราคาเสนอซื้อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไล่ซื้อ วันนี้ซื้อไม่ได้ ใจเย็น ๆ รอต่อไป ซื้อหลายๆ รอบ อย่างเช่น หุ้น ASP ราคาขยับลงจาก 1.73---1.62 ถ้าเราซื้อต่อเนื่อง อาจจะแบ่งสามส่วนซื้อ 1.7 -1.66-1.63 ค่าเฉลี่ยจะไม่สูง แต่เวลาขายเมื่อราคาขยับแรงถึง 1.8-2.0 บาทก็ขายทั้งหมด นี่คือกลยุทธ์เพื่อลงทุนแบบปลอดภัย

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

EGCO ทำราคาสูงสุดในรอบ 6 เดือน


ราคาปิดวันนี้ อยู่ที่ 83 บาท ในภาวะตลาดหุ้นร่วงกว่า 10 จุด ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO เป็นหุ้นดี ราคายังไม่ถึงมูลค่าแท้จริง และยังสามารถซื้อเก็บได้ มีผลตอบแทนในรูปปันผลสม่ำเสมอ และราคาเป้าหมายเหนือ 94 บาทหรือเกิน 100 บาทแน่นอนในปีนี้

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

ลงทุนในหุ้น รายย่อยมีแต่แพ้จริงหรือ

หากคุณเป็นผู้ลงทุนหรือเล่นหุ้น รายย่อย คือวงเงินประมาณไม่ถึงล้าน เคยลองทบทวนหรือไม่ว่ารายย่อยมีผลตอบแทนสุทธิเท่าไร ผมเชื่อว่าหลายคนซื้อหุ้นดีไว้ แต่เมื่อซื้อเยอะๆ ราคามันไม่ไปไหน เพราะเราไม่ใช้เป็นผู้ไล่ราคา แต่มีรายใหญ่ที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ในหุ้นแต่ละตัวคือใคร ทำให้เมื่อไรที่เราซื้อ หุ้นจะนิ่ง และเมื่อเราขายคืนไปในราคาที่กำไรเล็กน้อยหรือขาดทุน ราคาหุ้นจะวิ่งอย่างรุนแรง ผมเจอมาหลายตัว อย่างตอนนี้ หุ้น steel ก็ผ่านช่วงรุ่งเรืองไปแล้ว วันนี้เลยติดพื้น ที่ 5.50 หลังจากโดนรายใหญ่ทำราคาจนน่าเกลียด เมื่อ PE สูงถึง 60 เท่า ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะซื้อ แต่รายย่อยอาจจะโดนหลอกเข้าซื้อด้วยข่าวการซื้อกิจการที่ยังไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่. แต่ก็ทำราคาโชว์ให้รายย่อยเข้าซื้อติดกับดัก แล้วไม่มีโอกาสขายอีก หลายปี ๆๆ ดังเช่น อีกหลายตัว

หุ้นที่ราคาสูงผิดปกติ ถ้าไม่มีผลการดำเนินงานดีจริงๆ อาจจะต้องรอถึง 10 ปี กว่าจะกลับมาเท่าเดิม ถ้าคุณรอได้ ก็เป็นการลงทุนเรื่องเวลา ซึ่งหุ้นเกษตรหลายตัว วันนี้ครบ 10ปีแล้ว ราคามาถึงจุดเดิม อย่าง ssf เดิมราคา 9-10 บาท แต่มีการให้หุ้นฟรี เลยตกไปเหลือเพียง 2 บาท วันนี้ผลการดำเนินงานดีจริง จึงขึ้นมาถึง 9.0 บาทได้ แต่รายย่อยคงขายหมดแล้ว ตอนนี้มีแต่รายใหญ่ที่ทำราคาเพื่ิอขายออก อย่างเงียบๆ

ระวังให้ดีครับ.. หุ้นที่แพงเกินจริง ซื้อไปก็มีแต่จะขาดทุน ควรไปมองหาหุ้นที่ราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีจะมีโอกาสได้มากกว่า ครับ ... การติดหุ้นต้องเลี่ยงให้ได้ เพราะเราคือรายย่อย มีเงินจำกัด

สรุปสุดท้ายของรายย่อยคือเสียเปรียบ แต่ถ้ารู้จักใช้กลยุทธ์ทีเหมาะสม และมีเงินเย็นพอ ก็ชนะได้ แต่ 10 คน ชนะได้เพียง 1 คนเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

2552 ยุคทองหุ้นโภคภัณฑ์ 2553 ยุคทองของ???

คงต้องยอมรับว่า หุ้น ไม่มีคำว่าถูกหรือแพงจริงๆ อยู่ที่มุมมองของผู้ซื้อและผู้ขาย ในปีที่ผ่านมาหุ้นโภคภัณฑ์ เกษตรทุกตัวที่มีกำไรต่อหุ้นดีๆ ราคาพุ่งขึ้นกว่า 4 เท่าตัว อย่างเช่น cpf มกราคมปี 52 อยู่ที่ 3.00 บาท ส่วนมกราคมปี 53 อยู่ที่ 12.00 บาท

สุรพลฟู้ด SSF จากราคา 1.70 บาท มาเป็น 8.00 บาท เช่นกัน CFRESH จาก 1.00 บาทมาเป็น 4.00 บาทเพียงระยะเวลา 1 ปี คุณสามารถทำเงินจากหุ้นได้ 400 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณมีความมั่นใจในผลการดำเนินงาน และมองทิศทางออก ความสำเร็จในการลงทุนจะเกิดกับคุณทุกคน

ส่วนปี 2553 อาจจะเป็นหนังคนละม้วนกัน หุ้นที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะเป็นขาลง จากราคาปัจจุบันอาจจะลงไปสักครึ่งหนึ่ง เนื่องด้วยหุ้นเหล่านี้มีวงจรรอบของอุตสาหกรรม เมื่อราคาดี กำไรดี คู่แข่งย่อมเข้ามามากขึ้นและมีเหตุการณ์อย่างเช่นในอดีต การทุ่มตลาด การกีดกันทางการค้า แต่ไม่เป็นไรทุกอย่างมีขึ้นก็ต้องมีลง

หุ้นพลังงาน โดยเฉพาะนำ้มัน โรงกลั่น ไฟฟ้า น่าจะกลับมา เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยว่ารอบนี้ ทำไมหุ้นพลังงานขายแล้วไม่ลง อย่าง PTTAR , ESSO, PTTEP, PTT, PTTCH, BANPU, EGCO ทุกตัวกำลังรอวันทะยานสู่ระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี ใครมีหุ้นเหล่านี้ควรถือไว้จนกว่ามันจะวิ่งแรงเหมือนหุ้นโภคภัณฑ์ แล้วหาจังหวะปล่อยออก เพราะถึงเวลานั้น มันคือจุดสูงสุดของอุตสาหกรรมที่ทุกคนคาดหวังแล้ว หุ้นเล่นง่าย ถ้าเรารู้จักคำว่า หุ้นดี อดทน รอเวลา ตัดสินใจซื้อ/ขาย ให้ถูกเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

ทำไม ราคาหุ้นไม่ขยับ และทำไมเวลาขายแล้ว ราคาพุ่งแรงทุกครั้งไป

ผมในฐานะนักลงทุนรายย่อย ที่สามารถดูหุ้นได้ทุกวัน จากอินเทอร์เน็ต เฝ้าสังเกต หุ้นดีๆ หลายตัว ตอนแรกๆ จะขึ้นช้ามาก อย่าง BLA ผมซื้อตอน 14.70 ราคาผ่านไปสองสัปดาห์ไม่ขยับ แถมยังลงไป 14.50 อีกต่างหาก ทั้งที่เป็นหุ้นชั้นดี ตัวหนึ่ง แล้วพอขาย ที่ราคาเดิม 14.70 อีกวันหนึ่งวิ่งหน้าตาเฉยเลย แล้ววันนี้ละ ซื้อกันจริงซื้อกันจัง 23.00 บาท ถ้าถือไว้กำไรมากแล้วครับ ...

ลองมาหาคำตอบกัน สมมติ หุ้นอยู่กับเรา ในขณะที่หุ้นมีจำนวนเท่าเดิม ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ คนกลุ่มที่เป็นมือใหญ่ขายหุ้นออกเพื่อไปรอซื้อคืนที่ราคาต่ำ ด้วยเหตุผลหลากหลาย เม่ือหุ้นกระจายสู่มือรายย่อย ทุกคนไม่สามารถผลักดันราคาได้ เอง ต้องรอ มวลชน และผู้นำ

อย่างไรก็ตาม ถ้าหุ้นจากรายย่อยยังขายออกมาไม่หมด หรือให้รายใหญ่ได้หุ้นมากพอ ราคาคงจะไม่สามารถขึ้นไปได้ นี่แหละคือคำตอบที่ว่า เมื่อไรคุณขายหุ้น ราคาหุ้นมักจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ รอคุณไปซื้อกลับมาในราคาสูง แล้วมันก็ทำให้คุณติดหุ้นอีกครั้ ง เป็นอย่างนี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ประวัติศาสตร์ไม่เคยเปลี่ยน

ทางแก้ไขคือซื้อแล้ว ไม่ต้องขายเลยจะดีที่สุด

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

update technical chart 11-jan-2010




แนวโน้มดัชนี ยังเดินหน้าต่อได้ แต่ให้ดู rsi ถ้าเกิน 85-90 พิจารณาขายออกไปบ้าง ส่วนรายตัวแตกต่างไปตามกราฟ asp เริ่มมีสัญญาณซื้ออ่อนๆ แนะนำซื้อ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเริ่มเข้ามาเกิน 20000 ล้านบาทต่อวัน หุ้นหลักทรัพย์น่าจะเริ่มมาเก็๋งกำไรกันหลังมูลค่าเริ่มสูงขึ้น ส่วนพลังงานก็ยังไปได้ทั้ง PTTAR, ESSO, EGCO, สื่อ MCOT ก็กำลังจะเดินหน้า ส่วนแบงก์อย่าง TMB ก็มาแรง

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

ASP ใกล้ถึงวันที่รอคอย ..ทะยานสู่ 2.0



ภายหลังประกาศค่าคอมฯเสรี ทำเอาหุ้น Broker ทุกตัวน่ิงไปเฉยๆ เลยครับ ทั้งที่ทุกกำไรมากมาย ราคาก็ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี หนี้สินน้อยกว่าส่วนผู้ถือหุ้น และสามารถจ่ายปันผลได้สมำ่เสมอ ถึงเวลาหรือยังที่จะมาสนใจราคาหุ้นหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตัวหลักอย่าง ASP, CNS, KEST , ZMICO ทุกตัวน่าสนใจครับ ใครมีอยู่ถ้าทนไม่ไหว ขายทิ้งไป อาจจะเสียของได้ครับ เพราะอย่างไงก็น่าจะไปได้ไกลกว่านี้ อย่าง ​ASP น่าจะ 2.50 บาท ลองตามดูครับ มูลค่าการซื้อขายยังไม่เข้า เลยยังไม่มีการเล่นกันจริงๆ จังๆ ครับ

8-jan-2010 ก่อนปิดตลาดมีขายไม้ใหญ่มา 1.88 ล้านหุ้น เลยทำให้ปิดไปที่ 1.66 บาท แต่กราฟทางเทคนิคบอกว่าอยู่ในเขตขายมากเกินไป ตอนนี้รอวอลุ่มเข้าอย่างเดียว แต่แนวรับก็ราวๆ นี้ 1.65 บาท ผมคิดว่าน่าจะเป็นการเร่งให้รายย่อยที่มีของอยู่ขายออกให้มาก พอใกล้วันประกาศผลการดำเนินงานและจ่ายปันผล จะได้มีหุ้นไว้ไล่ราคาได้ งานนี้ต้องรอต่อครับ
13-jan-2010 asp ยังไม่ยอมดินหน้า แต่แรงขายเริ่มลดลง อย่างไรก็ตามยังไม่ยอมขึ้นง่ายๆ กลุ่มหลักทรัพย์ทุกตัวเหมือนกัน ถ้ามาคงมาพร้อมกัน มาลองดูว่าใครจะเป็นผู้นำตลาด รอบนี้ คิดว่าไม่นานเกินรอ เป้าหมาย 2.54 คงได้เห็นภายในครึ่งปีนี้แน่นอน

14-jan-2010 ขอบอกว่า อาการแบบนี้ น่าลุ้น ไม่น่าเกินเดือนมกราคม เพราะราคาไม่ขยับมากกว่า สองสัปดาห์แล้ว

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

740 วันนี้จะอยู่ได้ไหมครับ


set index วันนี้พลิกบรรยากาศจากเมื่อวานนี้เลยครับ แต่ก็ดีใจกับคนที่รับไว้เมื่อวานด้วยกำไรอย่างน้อยก็น่าจะ 5 ถึง 10 % ได้ ตัวแรงๆ ก็ยังมีหลายตัว ในกลุ่มพลังงานทดแทน ตอนนี้ราคาน้ำมันขยับสูงแล้ว อย่าลืมสะสมหุ้นน้ำมัน อย่าขายชอร์ตเพลินละ ระวังเสียของ อุตส่าห์รอกันมานานแล้ว รอบนี้ได้ออกตัวที่ราคานิวไฮ บ้างละ หวังว่าวันนี้จะยืนได้ 740 นะครับ วอลุ่มเข้ามาหนา เข้าเก็บกลุ่มหลักทรัพย์ไว้ โดยเฉพาะตัวที่ดีที่สุดอย่าง ASP ราคายังไม่ขยับ ต้นทุนเท่ากัน ไม่มีใครได้เปรียบ ลองดูครับ