วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

QH ถึงจุดเข้ารับรอบใหม่แล้ว 2.04-2.06

QH หลังจากขึ้นเครื่องหมาย xd ที่ 0.12 บาท และประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาตามคาด คือลดลง ทำให้ราคาไหลลงมาแถว 2.04-2.06 ซึ่งตามกราฟจะเห็นว่าเป็นจุดรับที่มีโอกาสเล่นดีดกลับไปที่ 2.2 -2.3 จากผลกำไร ในไตรมาสต่อไป และเป้าหมายที่โบรกเกอร์ให้ไว้ แถว 3.00 บาทสำหรับปีนี้น่าจะมีโอกาสไปถึงได้ แนะนำซื้อสะสมแถว 2.04 หรือถ้าหลุดลงไปคงจะไปได้แถว 1.92 รับไว้ได้ เพราะผลประกอบการที่จะฟื้นตัวในไตรมาสสองเป็นต้นไป

TVO น่าจะเข้าลงทุนได้แล้ว

TVO น้ำมันพืชไทย ราคาล่าสุด 27.00 บาท แนวโน้มราคามีโอกาสวิ่งขึ้นไปทดสอง 27.75 และ 30 บาทได้ ด้วยเหตุผลเงินบาทเริ่มอ่อนค่าและธุรกิจยังดี ผลประกอบการดี

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

WORK กำลังตัดสินจะวิ่งขึ้นหรือลง



workpoint entertainment pcl. (WORK) กราฟอยู่ในช่วง 11.7-12.20 กำลังรอผลประกอบการอยู่ซึ่งหลายโบรกแนะนำให้ซื้อ เป้าหมายสูงกว่า 14 บาท ผลประกอบการน่าจะออกมาดี

เมื่อผลประกอบการออกมาเป็นไปตามคาด ทำให้ราคาของ WORK ผ่าน 12.20 มายืนแถว 12.5 สูงสุด 12.8 เป้าหมายน่าจะไปได้แถว 14.00 จากสไตล์การลงทุนแล้วหุ้นตัวนี้ต้องถือนานนิดหนึ่ง จะขึ้นแรงแล้วนิ่งแล้วขึ้นแรง จนกว่าผลการดำเนินงานจะแย่ลง ราคาถึงจะลดลง

BLS เป็นการรีบาวน์ มิใช่ขาขึ้น ขายแถว 16.40-16.80

BLS หลังขึ้นเครื่องหมาย xd 2.15 บาท พร้อมหุ้นปันผล 2:1 ทำให้ราคาลงมาเล่นกันแถว 15.50-18.3 จากกราฟยังไม่ ผ่าน 18.30 เป็นการเล่นในกรอบขาลงสั้ันๆ และหาต่ำกว่า 15.50 ลงมาจะมาเล่นกันแถว 14.50 ต้องดูว่ากลยุทธ์การลงทุนของเราเป็นยาวหรือสั้น ถ้าสั้นให้ขายแถว 16.60-17 แล้วค่อยดูอีกครั้งว่า 15.50 จะรับอยู่ไม่ ถ้าอยู่รอบนี้อาจจะผ่าน 18.30 ไปได้ ยิ่งผลประกอบการออกมาดี ยิ่งทำให้การปรับตัวรอบนี้ใช้เวลาไม่นาน

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

AP น่าซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว

Technical chart AP: ปัจจัยพื้นฐานถือว่าดี ปลอดภัย เมื่อราคาปรับลงจากการจ่ายเงินปันผลและหุ้นปันผล น่าเข้าซื้อเพื่อรอราคาดีดกลับ คิดว่าไม่น่าหลุด 4.80-4.70 แล้วสามารถขึ้นมาทดสอบ 5.30 ได้ และถ้าผ่านน่าไปต่อ ยาวๆ เป้าหมาย 7.40

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

set index มีแนวโน้มปรับลงตามกราฟ

3-may-2011 set index ปิดลบไป 2.12% มาอยู่ที่ 1070.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย เกือบ 40000 ล้านบาท ระยะสั้นดูแนวรับ 1060 ถ้ารับไม่อยู่เช่นมีข่าวร้ายทำให้เกิดความไม่มั่นใจตลาดอาจจะลงมาแถว 1000 จุดได้อย่างเร็วเลย..เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่มีกำไรกันมาก และถ้า set index จะไปต่อได้ต้องไม่ต่ำกว่า 1004.xx แล้วต้องกลับขึ้นไป ผ่าน 1113 จุดให้ได้ภายในไตรมาสสองหรือต้นไตรมาสสาม...คำแนะนำ ถือเงินสดรอซื้อเมื่อลงมาแนวรับ

บริษัท สาลี่คัลเล่อร์จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิด IPO มิ.ย.นี้

นายขวัญชัย ณัฎฐเศรษฐ์กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่คัลเล่อร์จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ และเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ รวมถึงสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง เผยว่าหลังจากที่บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขาย หุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. แล้ว

"แต่เราไม่รีบร้อนที่จะต้องนำหุ้นออกมาขายในช่วงนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เราตั้งใจที่จะเป็นบริษัทแรกที่ขายหุ้นไอพีโอของปีนี้เป็นบริษัทแรก แต่ไม่เป็นไร เพราะเราอยากให้ตลาดหุ้นนิ่งและสดใสมากกว่านี้ก่อน ผมมองว่าระยะนี้ยังผันผวนแต่ก็ถือเป็นสีสันของตลาดหลักทรัพย์ ผมอยากให้เราเข้าไปแล้วได้รับการต้อนรับที่ดี ดีกว่าไปแล้วผิดหวัง"

นายขวัญชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ที่ปรึกษาการเงินคือบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ ทำข้อมูลเพื่อการขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ที่จะได้ราคาขายได้ ก่อนที่จะเปิดให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ในเดือนมิถุนายนและคาดว่าจะเข้าซื้อขายในเดือนเดียวกันนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยเดินสายโรดโชว์เพื่อให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนด้วย

"ผมก็ทำเรื่อยๆ ออกไปทำความรู้จักกับหลายๆ ทางครับ และหุ้นที่เสนอขายนี้เราจะแบ่งให้แก่ผู้มีอุปการคุณด้วยบางส่วนครับ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็จะไดลูตลงไปฝ่ายละ 20% ซึ่งปัจจุบันวีไอวี อินเตอร์เคมถือหุ้น21.69% และสาลี่อุตสาหกรรมถือหุ้น10.85% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ และอาจมีออปชันแบบลดราคาให้แก่นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นด้วยครับแต่จะเท่าไหร่ก็ต้องมาว่ากันอีกที อยู่ที่บทสรุปของที่ปรึกษาการเงินครับ"

โดยสาลี่คัลเล่อร์จะนำหุ้นเพิ่มทุนใหม่ดังกล่าว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ หรือ mai และเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 70% บริษัทจะนำไปใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำ หลังพบว่าเมื่อปี 52 แนวโน้มความต้องการใช้สูง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อน้ำ บรรจุภัณฑ์เกษตร ยานยนต์ ฯลฯ ซึ่งบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว คาดว่าจะส่งมอบได้ช่วงเดือนมิถุนายนปี 54 และเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคมมูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาทซึ่งเครื่องจักรใหม่มีกำลังการผลิต8,000 ตันต่อปี ส่วนเงินที่เหลือจะใช้ในการดำเนินงาน

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทในการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ แต่บริษัทได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากมีการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศด้วย

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หมดเทศกาลประชุมผู้ถือหุ้น เข้าสู่การลุ้นผล q1/54

บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทสุดท้ายที่ผมเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น รอบนี้จัดที่ห้องบอลรูม โรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ ชั้นใต้ดิน การลงทะเบียนและต้อนรับผู้ถือหุ้นดีครับ อาหารจัดเต็ม ซาลาเปา5 ลูก ขนมจีบ อีก 5 ลูก เรียกว่าใครทานข้าวเที่ยงมาต้องหิวกลับบ้านอย่างเดียว ส่วนเครื่องดื่มก็เต็ม ชากาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลม ครบ ของที่ระลึกเป็นกระเป๋าผ้าอย่างดี ถือว่ารอบนี้ ssi จัดเต็ม บรรยากาศในห้องประชุมก็มีการเปิดภาพการเปิดโรงงานถลุงเหล็กที่อังกฤษ มาให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะมีอนาคตที่ดีกว่าวันนี้ ซึ่งราคาหุ้นอยู่แถว 1.35-1.40 บาท

เทศกาลประชุมผู้ถือหุ้นหมดไป ผมได้ข้อคิดอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นบริษัทที่เจ้าของหรือกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นชาวต่างชาติ จะให้การต้อนรับผู้ถือหุ้นได้ไม่ดีเท่าแบบคนไทยเป็นเจ้าของครับ อาหารก็ไม่เพียงพอ และการให้บริการลงทะเบียนจะไม่ค่อยเวิร์ค

ผมจึงตัดสินใจว่า จะไม่ลงทุนในหุ้นที่ต่างชาติเป็น กรรมการผู้จัดการใหญ่อีกต่อไปครับ.. และบริษัทที่ต้อนรับผู้ถือหุ้นไม่ดี ก็ไม่ลงทุนอีกเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เราควรจะดูผู้บริหารก่อนลงทุนซื้อหุ้นเข้ามา เพราะมีผลต่อกำไรขาดทุนอย่างยิ่ง และเราไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลพวกต่างชาติได้..

สำหรับนับจากนี้จะเล่นกันที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2554 หลายบริษัทผลออกมาดี อย่าง PHATRA ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 2.65 บาท ราคาก็ขึ้นมารอแถว 33.75-34.75 บาทแล้ว คงไปไหนไม่รอด

ส่วน BLS, KEST ก็กำไรดี กันทั่วหน้า บริษัทหลักทรัพย์กำไรกีกว่าไตรมาสแรกของปีก่อน ทำให้ต้องพิจารณาซื้อกลับเข้าพอร์ตอีกรอบ หลังจากขายออกไป ส่วน ssi ประกาศออกมาไม่มีกำไรพิเศษจากการซื้อโรงถลุงที่อังกฤษทำให้หุ้นราคาดิ่งลงมาแถวแนวรับใหญ่อีกคือบริเวณ 1.32-1.35 ถ้ารับไม่อยู่อาจจะไปเริ่มใหม่แถว 1.20 อีกแต่คิดว่าปลายปีนี้ยังไงต้องเห็น 1.8-2.0 บาทเป็นแน่ ขายได้แต่ต้องซื้อกลับมา..

สำหรับผมคิดว่าพยายามปรับพอร์ตให้เหลือหุ้นน้อยกว่า 5 ตัว เพื่อการจัดการและได้ผลตอบแทนมากขึ้้นจากเงินที่ลงมาขึ้นในหุ้นที่น้อยตัว พยายามสร้างกำไรจากเงินปันผลและส่วนต่างราคาต่อไป..