Stock is everything in your life. Buy Dividend Stock Only.
"การลงทุนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า"
ลงทุนเฉพาะหุ้นที่มีกำไร มีปันผลสูงสุด 5 อันดับ และหุ้นรายได้มั่นคง
วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สัมมนาฟรี เจาะลึกธุรกิจเหล็ก
KTC น่าสนใจซื้อหรือยังที่ราคา 12.30 บาท
MCOT ปีหน้ารุ่ง โบรกให้เป้า 38 บาท
วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ssi ซื้อเพื่อรอการฟื้นตัวหลังเพิ่มทุน ราคาแถว 1.44-1.50 ตำ่เกินไป
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุน โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนรวมไม่เกิน 5,240 ล้านหุ้นและวิธีการจัดสรร และให้นำเสนอการเพิ่มทุนและการจัดสรรต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 25 ม.ค.2554 เพื่อระดมเงินทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท สำหรับเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ และเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนเพื่อการเข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2553 กับ Tata Steel UK Limited ( เดิมชื่อว่า Corus UK Limited)
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนประมาณ 2,620 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่( Right Offering หรือ RO) ในอัตราจัดสรร 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ สามารถจองซื้อเกินสิทธิได้ โดยส่วนจองซื้อเกินสิทธินี้จะได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นจนหมด หากมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมจะนำไปจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด โดยกำหนดราคาเสนอขายในช่วงระหว่าง 1.20 ถึง 1.40 บาทต่อหุ้น และ 2. การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,620 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ( Private Placement หรือ PP)
ในส่วนของการเสนอขาย RO นั้น ตั้งใจจะเสนอขายเต็มทั้งจำนวนที่มีการเพิ่มทุนรองรับไว้ ซึ่งในส่วนนี้ ทางเครือสหวิริยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ได้แสดงความตั้งใจ และความพร้อมที่จะเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิที่มีอยู่ เพื่อให้การเสนอขายในส่วนนี้ สามารถระดมทุนได้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องการ ในส่วนของการเสนอขาย PP บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในจำนวนไม่เกินประมาณ 2,620 ล้านหุ้น โดยจำนวนหุ้นที่จะทำการเสนอขายจะขึ้นอยู่กับราคา ที่จะทำให้สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นในส่วนนี้เมื่อรวมกับที่ได้จากการเสนอขาย RO ครบจำนวนตามที่ต้องการ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะเสนอขาย PP ในจำนวนประมาณร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมดหรือที่ประมาณ 1,965 ล้านหุ้น เพราะหากราคาเสนอขาย RO และ PP อยู่ที่ประมาณ 1.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ณ ปัจจุบันแล้ว เงินที่ได้จากการการเสนอขาย PP ที่ประมาณ 1,965 ล้านหุ้น เมื่อรวมกับการเสนอขาย RO เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้สามารถระดมทุน จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครบเกินกว่าที่ต้องการ
นายวินกล่าวว่ากำหนดการจองซื้อหุ้นและการเพิ่มทุนนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 สอดคล้องกับแผนการกู้เงินซึ่งจะแล้วเสร็จในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลให้การเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสแรกปี 2554 ทำให้ โรงงานถลุงเหล็ก สามารถผลิตเหล็กแท่งแบน ( Slab ) ส่งกลับมาให้ เอสเอสไอ ใช้ได้ภายใน 6 เดือนหลังจากนั้น ทำให้มีความมั่นใจว่าในปี 2555 นี้เอสเอสไอจะสามารถผลิตได้ถึง 3 ล้านตัน และยอดขาย 70,000 ล้านบาท เพราะสามารถผลิตวัตถุดิบได้เองอันจะส่งผลให้บริษัทสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในการผลิตนับตั้งแต่เปิดดำเนินการมา
นอกจากนี้ราคาของสินทรัพย์ที่บริษัทจะเข้าทำการซื้อประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ แต่จากการประเมินมูลค่ายุติธรรม ( Fair Value ) เบื้องต้นโดยผู้ประเมินอิสระ คาดว่าคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 820 ล้านดอลลาร์ ส่วนต่างของมูลค่านี้อาจสามารถรับรู้เป็นกำไรจากการซื้อสินทรัพย์ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าประเมินท้ายสุดและความเห็นจากผู้สอบบัญชี
“วัตถุประสงค์หลักในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนในการเข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์โรงงานถลุงเหล็ก Teesside Cast Products ซึ่งเป็นไปตามแผนการขยายธุรกิจของเอสเอสไอที่มีความต้องการที่จะขยายกระบวนการผลิตไปยังอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กต้นน้ำเพื่อเป็นการสนับสนุนกระบวนการผลิตของเอสเอสไอในปัจจุบันและการก้าวสู่การเป็น ผู้ผลิตเหล็กแผ่นครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน”นายวิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนซื้อสินทรัพย์ดังกล่าว จะเกิดประโยชน์ต่อเอสเอสไอหลายประการ ทั้งเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ปริมาณการผลิตและขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านตันในปี 2555 และส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง 5.6 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถเพิ่มสัดส่วน สินค้าชั้นคุณภาพพิเศษจากเดิมร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 70 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันถึง 15.3 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการวัตถุดิบเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต ( Inventory Management) ทำให้ลดปริมาณวัตถุดิบคงคลังจาก 60 วันเหลือเพียง 30 วัน ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ 150 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ต้นทุนการขนส่งวัตถุดิบทางเรือต่อหน่วยลดลง 7.5 ดอลลาร์ เนื่องจากสามารถใช้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ ( Panamax ) ขนส่งวัตถุดิบคราวละ 60,000-70,000 ตัน
ที่มา กระแสหุ้น
วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553
KTB เป้าหมาย 20.20บาท ซื้อไม่เปลี่ยนแปลง
BUY AP เป้าหมาย 8.00 บาท
AP งานในมือระดับสูงช่วยเสริมศักยภาพของรายได้ 4 ปีต่อเนื่อง จากงานในมือ ม.ค .พ.ย 53 ที่มีสถิติสูงสุด 27,019 ล้านบาท สะท้อนผลของยอดขายที่ยังทำได้ดีคาดใน4Q53 ทำได้ 6,000-6,500 ล้านบาท ส่งผลให้ยอด Presale ทั้งปีทำได้ประมาณ 18,500-19,000 ล้านบาท ในปี 54 บริษัทมีแผนเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาด กระจายสินค้าเพิ่มในส่วนของ สินค้า High.End และ Low-End เพื่อเพิ่มความหลากหลายสินค้าเพิ่มเติม ทั้งนี้กรณีดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น จากโฆษณาและประชาสัมพันธ์ราคาที่เหมาะสมปี 54 ที่ 8 บาท (อ้างอิง APER 9.5 เท่า) เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันมี Upside gain 35% นอกจากนั้นคาดบริษัทจ่ายปันผลของผลประกอบการปี53 ได้ 0.35 บาท(จ่ายปันผลปีละ1ครั้ง) ให้ผลตอบแทน Dividend Yield ในระดับ 5.9% แนะนำ .ซื้อ.
วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553
MCOT มาพร้อมความหวังใหม่ digital tv รายแรกของไทย
DTAC กลับมาอีกครั้งหลัง 3G ชัดเจนขึ้น
อุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งเป็น uptrend
สำหรับในปีหน้า 2011 ที่กำลังจะมาถึง ใครต้องการลงทุนหุ้นเพื่อรับเงินปันผลงาม ลองมองหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะกุ้งอย่าง ASIAN, SSF, CFRESH, CPF สี่ตัวหลักนี้ซื้อได้หมด ราคาตอนนี้ก็ไม่ถือว่าแพง แต่ตัวที่น่าจะคุ้มค่าสุดคือตัวที่ยังไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลอย่าง SSF, ASIAN ตอนนี้ราคาสร้างฐานอยู่ สำหรับ ASIAN เด่นสุดเพราะไม่จ่ายปันผลมาห้าปี ปีนี้น่าจะจ่ายได้อย่างน้อย 0.50 บาท ราคาตอนนี้ 3.44-3.5 บาท น่าสนใจมาก..ที่จะซื้อเก็บไว้เพื่อรอขายแถว 5.00 บาทหรือมากกว่า รวมเงินปันผลด้วยจะได้ผลตอบแทนมากกว่า 10% แน่นอน
วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553
CFRESH หุ้นดีที่ต้องมีในพอร์ต
วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
DTAC นิวไฮที่ 46 แนวรับที่ต้องจับตาคือ 41.75 ต้องไม่หลุด
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
DTACย่อตัวแรง ลุ้นแนวรับสุดท้าย 36.75 วันนี้ต้องตีกลับ
วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
SET INDEX ใกล้ถึงเป้าหมาย 840
วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553
set index confirm new high at 831
วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553
THAI ประกาศเพิ่มทุนแล้ว ส่วนปันผล 0.25 เป็นของแถม
ASP แนวรับสุดท้ายที่ 1.66 บาท
ESSO มาตามคาด ผ่าน 6.55 ไปต่อ 7.2-8.0
หลังจากเก็บหุ้นกันอยู่นานมาก แถว 6.1-6.3 วันนี้คิดว่าจะแดงเดือดกับเขียวแรง ไปสูงสุดที่ 6.80 บาท เล่นกันไปด้วยวอลุ่มหนาตาพิเศษ สัปดาห์หน้าจะไปต่อได้แน่นอน ใครมีคงต้องถือไว้ กระแสข่าวว่าจะจ่ายปันผลแค่ 0.25 ในครึ่งหลังของปี 52 ผมว่าจ่ายน้อยไปนิด แต่ขอให้หุ้นขึ้นมาจากค่าการกลั่นที่เพิ่ม งานนี้ไปออกที่ 8.0 บาท แล้วลงมารับกันใหม่ครับ
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553
หุ้นไทยหลัง 14 มีนาคม ทิศทางขึ้นหรือลง
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553
THAI กลับมาจริงหรือ
วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553
กลยุทธ์หุ้นปันผล ต้องขายก่อน xd
ภาพยังไปต่อได้แต่ไม่ไกล
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
หุ้นปันผลสุดยอดที่ควรมีก่อน xd
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
set index รอซื้อหลังเมษายน
วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
โอกาสและความเสี่ยง ผ่านมาแล้วจากไป
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
set index return ก่อนกำหนด
set index วันนี้ปิดสูงสุดของวัน หลังจากลงไปติดลบ แล้วดีดขึ้นมาบวกได้ ด้วยแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและธนาคารเช่นเดิม dtac เป็นตัวหนึ่งที่เล่นไม่ยาก ซื้อ ต่ำกว่า 30 ขายเมื่อเกิน 36-40 บาท วันนี้ก็กลับมายืน 32.75 ได้ สุดยอดเลย
ช่วงนี้ต้องทนต่อไปครับ
วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553
ภาพทางเทคนิคของ set index
วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553
SET INDEX พักตัวขาลง
วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553
JUBILE ข้อมูลไม่พอ ขึ้นอยู่กับขาใหญ่ว่าจะลุยหรือเฉย
กลยุทธ์ ซื้อ-ช้า ขาย-เร็ว
ภาวะตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ขาลงอีกครั้งหลังจากขึ้นมาหลายเดือน ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คาดการณ์กันได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม รอบหน้ายังรอท่านอยู่แต่ควรใช้กลยุทธ์ ซื้อหุ้น ให้ช้า รอขยับราคาเสนอซื้อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไล่ซื้อ วันนี้ซื้อไม่ได้ ใจเย็น ๆ รอต่อไป ซื้อหลายๆ รอบ อย่างเช่น หุ้น ASP ราคาขยับลงจาก 1.73---1.62 ถ้าเราซื้อต่อเนื่อง อาจจะแบ่งสามส่วนซื้อ 1.7 -1.66-1.63 ค่าเฉลี่ยจะไม่สูง แต่เวลาขายเมื่อราคาขยับแรงถึง 1.8-2.0 บาทก็ขายทั้งหมด นี่คือกลยุทธ์เพื่อลงทุนแบบปลอดภัย