ช่วงเวลานี้ หุ้นปรับตัวขึ้นแบบต่อเนื่อง แต่มูลค่าการซื้อขายไม่ตาม คือไม่เพิ่มตาม ปกติถ้าเล่นกันจริงๆ น่าจะได้เห็นราว 40000 ล้านบาทแล้วครับ เพราะ SET Index ติดแนวต้าน ที่ 630 ต้องดูปิดเย็นนี้ว่าจะยืนได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า นักลงทุนจำนวนมากคงติดหุ้น ไม่มากก็น้อย คำถามคือ เราควรจะแก้ไข อย่างไรได้บ้าง เพื่อให้เราสามารถนำเงินลงทุนกลับคืนมาพร้อมกำไร ติดปลายนวมนิดหน่อยก็ยังดีกว่าขาดทุนครับ
สำหรับผมมีแนวทางอยู่สามวิธีคือ อันดับแรก ถ้าหุ้นที่เราซื้อไว้มีกำไรต่อหุ้น และมีอนาคต ผมเลือกวิธีการซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ อาจจะต้องใช้เวลาในการรอคอยบ้างแต่ก็คุ้มค่า เพราะระหว่างรอจะได้รับเงินปันผลไปทุกปี มากน้อยก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่น ผมติด หุ้น SSF อยู่ที่ 2.90 บาท เดิมมีหุ้นแค่ 4000 หุ้น ต่อมาซื้อเข้ามาเพิ่ม ตั้งแต่ราคาต่ำกว่า 2.50 บาท จนมี 20000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 2.40 บาท ได้เงินปันผลมาทุกปี และในที่สุดปีนี้ก็สามารถขายออกไปได้ในราคา 4.00 บาท มีกำไรมากพอสมควร
ทางที่สอง ถ้าหุ้นตัวนั้น ยังไม่เห็นว่าจะมีการจ่ายปันผล เราลงทุนด้วยเวลาไปก่อน ยังไม่ซื้อเพิ่มครับ เช่น กรณีของการบินไทย THAI ผมติดอยู่ที่ 38 บาท ในช่วงที่ซื้อนั้น ปันผลก็โอเค แต่เมื่อปีที่ผ่านมาเจอนำ้มันแพง เข้าไป ประกอบกับการบริหารงานที่ผิดพลาด ทำให้การบินไทย ตกตำ่ จริงๆ แล้วนำ้มันแพงไม่น่าทำให้ขาดทุนมากมาย ขนาดนี้ ส่วนปีนี้เริ่มมีกำไร แต่ยังไม่แน่ เลยต้องรอดู เมื่อไรจ่ายปันผลได้ผมจึงจะซื้อเพิ่มครับ
อีกประเภทหนึ่งคือ หุ้่นที่ขาดทุนและไม่สามารถมองเห็นการทำกำไรได้ ก็ต้องตัดใจขายออกไป ในราคาที่เราคิดว่ายอมรับได้ หรือช่วงที่หุ้นขึ้นสูงจากการเก็งกำไร ก็น่าจะทำให้เราไม่ติดหุ้นจนนอนไม่หลับ และมีเวลาไปหาหุ้นลงทุนตัวอื่นๆ ต่อไปในอนาคตครับ การลงทุน มีกำไรและขาดทุน เสมอครับ แต่ขอให้ผลลัพธ์เป็นกำไรสุทธิก็ถือว่าโอเค จะใช้เวลากี่ปีก็ไม่ว่ากันครับ ....